🔋
อยู่ ๆ รถสตาร์ตไม่ติด? เช็กด่วน! 6 สัญญาณแบตเตอรี่รถใกล้หมด
เมื่อวานยังขับได้ปกติ แต่เช้านี้กด Start ไม่ติด… หนึ่งในสาเหตุยอดฮิตคือ “แบตเตอรี่เสื่อม” มาดูวิธีสังเกตและดูแลให้พร้อมลุยทุกวัน
6 สัญญาณเตือนว่าแบตใกล้หมดพลัง
1) สตาร์ตรถติดยาก ต้องกด/บิดหลายครั้งหรือมอเตอร์สตาร์ตหมุนช้า
2) ไฟหน้า/ไฟในรถหรี่ สว่างน้อยลงโดยเฉพาะตอนติดเครื่องใช้ไฟหลายอย่าง
3) ระบบไฟฟ้าผิดปกติ แตรเบา กระจกไฟฟ้าขึ้นลงช้า จอระบบอินโฟฯ รีสตาร์ตเอง
4) อายุเกิน 2–3 ปี เข้าช่วงเสื่อมประสิทธิภาพ ควรตรวจเช็กเชิงป้องกัน
5) ระดับน้ำกรดต่ำ (แบตน้ำ) ต่ำกว่าขีดบ่อย ๆ บ่งชี้ความจุลดลง
6) ไฟเตือนแบตโชว์ ขึ้นสัญลักษณ์แบตบนหน้าปัด ต้องเข้าตรวจทันที
ดูแลยังไงให้แบตอยู่ทนขึ้น
- ขับหรือสตาร์ตสัปดาห์ละครั้ง หลีกเลี่ยงจอดนิ่งนาน ๆ
- ทำความสะอาดขั้วแบต ป้องกันคราบขาวซัลเฟต ลดความต้านทานไฟฟ้า
- ตรวจระดับน้ำกลั่น สำหรับแบตน้ำให้อยู่ในระดับที่กำหนด
- ปิดอุปกรณ์ไฟฟ้า อย่าทิ้งไฟ/อุปกรณ์ชาร์จไว้เมื่อดับเครื่อง
- เลือกแบตตรงรุ่น และคุณภาพดี เมื่อถึงเวลาต้องเปลี่ยน
เกร็ดเพิ่มเติม: แบตรถโดยทั่วไปมีให้เลือกทั้ง แบตน้ำ (Maintenance) และ แบตแห้ง (Maintenance-Free)
เลือกให้เหมาะกับการใช้งานและคำแนะนำผู้ผลิตรถคุณ หากเริ่มมีอาการข้างต้น ควร นัดตรวจเช็ก เพื่อทดสอบด้วยเครื่องมือมาตรฐาน จะได้รู้ว่าเปลี่ยนเลยหรือยังใช้ต่อได้อย่างปลอดภัย
เลือกให้เหมาะกับการใช้งานและคำแนะนำผู้ผลิตรถคุณ หากเริ่มมีอาการข้างต้น ควร นัดตรวจเช็ก เพื่อทดสอบด้วยเครื่องมือมาตรฐาน จะได้รู้ว่าเปลี่ยนเลยหรือยังใช้ต่อได้อย่างปลอดภัย
คำถามที่พบบ่อย (แบตเตอรี่รถยนต์)
แบตหมดกับไดชาร์จเสียต่างกันอย่างไร?
ถ้าแบตหมด มักสตาร์ตไม่ติดแต่หลังพ่วงแบตแล้ววิ่งได้ปกติชั่วคราว; ถ้าไดชาร์จเสีย ระหว่างขับจะมีไฟเตือนแบตขึ้น ไฟในรถหรี่ลงและรถอาจดับแม้แบตใหม่
แบตอยู่ได้กี่ปี?
โดยเฉลี่ย 2–3 ปี ขึ้นกับสภาพการใช้งาน สภาพอากาศ และการดูแลรักษา
จอดนานแค่ไหนแบตจะมีปัญหา?
ถ้าจอดนิ่งเกิน 2–3 สัปดาห์โดยไม่สตาร์ตมีโอกาสไฟอ่อน แนะนำสตาร์ตหรือขับสั้น ๆ อย่างน้อยสัปดาห์ละครั้ง
*คำแนะนำทั่วไป โปรดให้ช่างผู้เชี่ยวชาญตรวจเช็กเพื่อความถูกต้องของรถแต่ละคัน